
.....colt1911 ถูกพัฒนาขึ้นมาเสร็จสมบูรณ์ในปี คศ.1911 [ร่าม100ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อ
] ผ่านสมรภูมิรบทั้งสงครามโลกที่1และ2 และได้ทำปืนในเชิงพาณิชย์ออกจำหน่ายหลังหมดสงคราม เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีว่ามีรุ่นไหนบ้าง .....ต่อมาพอโคลท์หมดสิทธิบัตรลง แต่เพราะประสิทธิภาพของcolt1911จึงถูกนำไปก๊อปปี๊แบบไปทำการผลิตมากที่สุดในโลก ก็เพราะความยอดเยี่ยบมของระบบปฏิบัติการ ตลอดจนมิติรูปทรงที่มีความลงตัว และสมรรถนะก็สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน รวมถึงการแข่งขันทางด้านความแม่นยำหรือแอ๊กชั่นชูตติ้งก์ จึงสามารถเห็นปืนสไตล์1911กำชัยชนะมาครอบครองไว้อย่างไม่ยาก ดังจะเห็นได้จากแม้กระทั่งปัจจุบันปืนcustom ไม่ว่าจะเป็น baer หรือ sti ก็ยังใช้ระบบปฏิบัติการของ1911อยู่ อมตะจริงๆ
หลังจากจอห์น โมเสส บราวนิ่ง ได้รับมอบหมายจากกองทัพอเมริกันให้ผลิตปืนขนาด.45 แกก็ได้ไปค้นคิดผลิตปืนต้นแบบที่เมืองhartford และได้มีการทดสอบในวันที่ 3 มีนาคม คศ.1911 โดยต้องยิงให้ได้6000นัด ซึ่งเกือบ100ปีที่แล้วถือว่าสูงมาก โดยยิงที่ละ100นัดติดต่อกัน พัก5นาที ครบ1000นัด หยอดน้ำมันหล่อลื่นได้ หลังจากครบ6000นัด ก็มีการยิงด้วยสภาพคลุกฝุ่นทราย จนกระทั่ง 29 มีนาคม คศ.1911 กองทัพอเมริกาก็ยอมรับประสิทธิภาพได้อนุมัติ1911เข้าเป็นปืนประจำการ เรียกระบบฏิบัติการนี้ว่า..GOVERNMENT MODEL...ซึ่งแปลตรงตัวก็คือ...แบบของรัฐบาล...ซึ่งตัวนี้มันไม่มีคำA1ต่อท้าย ข้อแตกต่างจาก1911A1 คงเห็นจากกระทู้เก่ากันแล้ว ซี่เรี่ยล นัมเบอร์เริ่มจาก1ถึง629500
ถีดมาในปี1920 จอร์น เอ็ม เบราวน์นิงก์ ก็ได้มีการปรับปรุง1911 เป็น1911A1 ซึ่งก็คือตัวทีเราเล่นกันอยู่eg720นั่นเอง ซี่เรี่ยล นัมเบอร์เริ่มจาก 700001ถึง2660318 ลองเอาeg720 มาเทียบซี่เรี่ยล นัมเบอร์ ดูก็ได้ จะได้รู้ว่าผลิตปีไหน
ขออนุญาติพี่pOp เอารูปมาลงเปรียบเทียบถึงข้อแตกต่าง..
ข้อแตกต่างที่สังเกตกันได้ง่าย..ตามเบอร์เลยละกัน..
1. ไกด์ปืน
2.ปาดโครงปืนปืนหลังโกร่งไกด์ 1911รุ่นแรกจะเรียกกันว่าท้องเต็ม
3.ห้ามไกด์หลังอ่อน ใหญ่ขึ้น
4.นกสับ มีการปรับปรุงให้เล็กลง เพื่อรับกับห้ามไกด์หลังอ่อน ไม่ให้มันจิกมือ
5.เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง โค้ง เพื่อให้รับกับอุ้งมือ ซึ่งอันนี้ผมว่ากับมีปัญหาเวลากริ๊ปปืนสูง เพราะมันจะติดอุ้งมือทำให้กำหลังอ่อนไม่สุดลั่นไกด์ไม่ได้ แต่ถ้าจับธรรมดาก็ดีอยู่ในแง่ทำให้กระชับอุ้งมือ แต่อย่างว่า จอร์น เอ็ม เบราวน์นิงก์ คงนึกไม่ถึงว่าจะมีการจับปืนท่าพิศดารกันในยุคนี้
แต่ปืนในยุคปัจจุบันก็กลับมาใช้ เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง แบบตรงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคิมเบอร์ แบร์ หรือว่า STI..6.ประกับ จากไม้ เป็นยาง
7.+8. ศูนย์หน้า 1911A1หนากว่า เพื่อรับกับศูนย์หลังที่กว้างขึ้นกว่า1911 เพื่อให้เหมาะสมกับปืนต่อสู้ [จับเป้าง่ายขึ้น]
....ในยุคสงครามโลก โคลท์ผลิตปืนให้กองทัพไม่ทัน จึงได้มีการจ้างอีกหลายๆบริษัทให้ผลิตปืนในระบบ1911ออกมาอีกหลายค่าย แต่บ้านเราที่พบกันได้บ่อยๆ เพราะมันหลุดรอดมาจากสงความเวียดนามจากพวกจีไอ ก็คือเรมิงตัน กับ Ithaca ซิงเกอร์[ยี่ห้อจักรเย็บผ้าที่คุ้นเคยกันนี่ละครับ แต่หายากหน่อย]..
นับจากปี1920 จนสงครามยุติในปี1945 ก็ไม่มีมีการปรับปรุงรูปแบบใดๆ ซึ่งในยุคนี้จะมีปืนที่ผลิตให้ทั้งกองทัพ ผิวด้าน[หรือeg720ที่เราเล่นกันอยู่] และผลิตจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ออกจำหน่ายผิวดำเงา
...ซึ่งรุ่นที่ผลิตในเชิงพาณิชย์คือ..1911A1 คอมเมอเชียล ซี่รี่
...มาว่ากันต่อ..1911A1 คอมเมอเชียล ซี่รี่...
...ในช่วงสงครามโลก โค้ลท์ก็ได้ผลิตปืนในเชิงพาณิชย์เพื่อจำหน่ายให้ประชาชน เป็นรุ่น..1911A1 คอมเมอเชียล ซี่รี่.. ซึ่งบ้านเราจะเรียกว่ารุ่นม้าหลัง[รุ่น1911A1ที่ผลิตให้กองทัพจะเรียกม้ากลาง] มีข้อแตกต่างจากรุ่น1911A1ที่ผลิตให้กองทัพ เท่าที่จำได้ผิวปืนจะเป็นดำเงา ประกับเป็นไม้วอลนัท โลโก้บนสไลด์ม้าอยู่หลัง ผลิตออกมาในยุคสงคราม ปี1920-1942 ซี่เรี่ยล นัมเบอร์จะขึ้นต้นด้วยC เริ่มจากC12700ถึงC215018 และหยุดการผลิตลงในปี1943-1945 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ต่อมาได้ผลิตเพิ่มขึ้มาอีกในปี1946 และเปลี่ยนซี่เรี่ยล นัมเบอร์ใหม่ในปี1950 โดยลงท้ายตัวเลขด้วยC โดยเริ่มจาก247701C-336619C และยุติการผลิตลงในปี1969...
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siambbgun.com/board/index.php?topic=59305.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น